เนสท์เล่ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1867 โดยนักเคมีชาวเยอรมันชื่ออองรี เนสท์เล่ (Henri Nestle) สัญลักษณ์ของเนสท์เล่ซึ่งเป็นรูปแม่นกและลูกนกในรังได้มาจากตราประจำตระกูลของผู้ก่อตั้ง โดยคำว่าเนสท์เล่ในภาษาเยอรมันหมายถึงรังนกเล็กๆ แม้ว่าจะเริ่มต้นธุรกิจด้วยการผลิตอาหารประเภทนมและอาหารเสริมสำหรับเด็ก ทว่าในเวลาต่อมาเนสท์เล่ได้ขยายการผลิตสู่ผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ อีกมากมายอาทิ เครื่องดื่มชนิดผง เครื่องปรุงรสอาหาร ผลิตภัณฑ์แช่เย็น และผลิตภัณฑ์แช่แข็ง ไอศกรีม น้ำแร่ และอาหารเพื่อสัตว์เลี้ยง เป็นต้นปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของเนสท์เล่ตั้งอยู่ที่เมือง เวเวย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีโรงงานผลิต 480 แห่งใน 86 ประเทศมีศูนย์วิจัยหลัก 1 แห่งอยู่ที่เมืองโลซานน์และเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อีก 23 แห่งใน 4 ทวีป
เนสท์เล่กับการลงทุนในอิสราเอล
เนสท์เล่เริ่มการลงทุนในอิสราเอล เมื่อปี 1995 โดยการซื้อหุ้นส่วน 10% ของบริษัทผลิตอาหารโอเซ็ม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆของอิสราเอล สองปีต่อมาเนสท์เล่เพิ่มหุ้นเป็น 50.1% ด้วยเงินทุน 140 ล้านเหรียญ และในปี 1998 ตัวแทนของบริษัทเนสท์เล่ก็ขึ้นรับรางวัล ‘จูบะลี อวอร์ด’จากนายกรัฐมนตรีอิสราเอล อันเป็นรางวัลสูงสุดที่ประเทศอิสราเอลจะให้แก่องค์กรหรือบริษัทต่างชาติที่ก่อผลประโยชน์มหาศาลให้แก่เศรษฐกิจอิสราเอล
ด้วยความร่วมมือกับโอเซ็ม เนสท์เล่ได้สร้างโรงงานผลิตสินค้าขนาดใหญ่ขึ้นที่เมืองซาดีรูตซึ่งอยู่ห่างจากฉนวนกาซ่าเพียงไม่กี่ไมล์ และเป็นเมืองที่สร้างทับหมู่บ้านนัจญฺดของชาวปาเลสไตน์ภายหลังจากที่ขับไล่มุสลิมในพื้นที่ให้เข้าไปอยู่ในฉนวนกาซ่าแล้ว ต่อมาเนสท์เล่ได้ประกาศขยายพื้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเมืองนี้ออกไปอีก ส่งผลให้รัฐบาลอิสราเอลสามารถดำเนินการนำชาวยิวอพยพเข้ามาเพิ่มเติมในพื้นที่ ภายใต้เหตุผลเพื่อตอบสนองอัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่นี้ ปัจจุบัน เนสท์เล่มีลูกจ้างชาวอิสราเอลมากกว่า 4,000 คน ใน 11 โรงงาน โดยโรงงานอย่างน้อยสองแห่งของบริษัทได้สร้างขึ้นบนพื้นที่กำลังพัฒนา อันเป็นคำที่รัฐบาลอิสราเอลใช้เรียกพื้นที่ที่กำลังดำเนินการขับไล่ผู้อยู่อาศัยชาวปาเลสไตน์ออกไป
เดือนมกราคมปี 2002 รัฐบาลอิสราเอลและสวิสเซอร์แลนด์ทำข้อตกลงการงดเว้นภาษีให้กับบริษัทสัญชาติสวิสฯที่ดำเนินการผลิตในอิสราเอลและขายในยุโรป ทำให้เนสท์เล่ประกาศขยายการลงทุนครั้งใหญ่ในอิสราเอล โดยทุ่มเม็ดเงินเข้าไปในเศรษฐกิจของอิสราเอลมากกว่า 80 ล้านเหรียญ ส่งผลให้เนสท์เล่กลายเป็นบริษัทที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 51%ของสินค้าประเภทอาหารและขนมขบเคี้ยวในอิสราเอล และยังมีแผนที่จะลงทุนนับพันล้านดอลลาร์ในการจัดสร้างศูนย์วิจัยขนาดใหญ่ของบริษัทขึ้นในอิสราเอล
ผลิตภัณฑ์ในเครือเนสท์เล่ที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย
- เนสท์เล่
- เนสกาแฟ
- เนสวิต้า
- คอฟฟี่เมท
- ไมโล
- มิเนเร่
- พัวร์ไลฟ์
- คาร์เนชั่น
- ตราหมี
- โกโก้ครันช์
- ซีรีแล็ค
- แม็กกี้
- คิทแคท
- สมาร์ตตี้
- ครันช์
- ลอริอัล
- อัลโป
- ฟริสกีส์ ฯลฯ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.inminds.co.uk/boycott-nestle.html/ www.nestle.com
http://www.osem.co.il/Eng/_Articles/Article.asp?ArticleID=4&CategoryID=15&Page=1
No comments:
Post a Comment